2525 - 2531
2532 - 2547
2548 - 2553
2554 - 2558
2559 - 2563
2564 - ปัจจุบัน
2525
กลุ่มตระกูลว่องกุศลกิจ กลุ่มตระกูลวัธนเวคิน และกลุ่มตระกูลเจนวัฒนวิทย์ ร่วมกันก่อตั้ง บริษัท อัมรินทร์ พลาซ่า จำกัด (ชื่อเดิม)
2527
จุดเริ่มต้นธุรกิจของบริษัทฯ คือริเริ่มประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเปิดดำเนินการ อาคาร อัมรินทร์ พลาซ่า ซึ่งเป็นศูนย์การค้าและพื้นที่สำนักงานให้เช่า
2531
บริษัท อัมรินทร์ พลาซ่า จำกัด (มหาชน) เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2534
ริเริ่มการประกอบธุรกิจโรงแรม โดยเปิดดำเนินการโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของบริษัทฯ
2540
เปิดดำเนินการโรงแรม เจ ดับบลิว แมริออท กรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว แห่งที่ 2 ของบริษัทฯ
2548
เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก “บริษัท อัมรินทร์ พลาซ่า จำกัด (มหาชน)” เป็น “บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)” และมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจพัฒนาและลงทุนโรงแรม โดยเดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยอย่างเต็มที่ และได้เปิดดำเนินการโรงแรม เรเนซองส์ เกาะสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว สไตล์รีสอร์ทแห่งแรกของบริษัทฯ
2551
ขยายกลุ่มโรงแรมจากระดับ 5 ดาว สู่โรงแรมระดับกลาง โดยการเปิดดำเนินการโรงแรม คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท กรุงเทพฯ ขยายเครือข่ายโรงแรมไปยังแห่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดดำเนินการโรงแรมซิกเซ้นท์ เดสทิเนชั่น สปา ภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันคือ โรงแรมเดอะ นาคา ไอแลนด์ เอ ลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว สไตล์รีสอร์ท รวมถึงการเริ่มเปิดดำเนินการโรงแรมภายใต้แบรนด์ “ไอบิส” กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และสมุย
2553
เปิดดำเนินการโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา ซึ่งเป็นโรงแรมระดับกลาง โดยแรกเริ่มโรงแรมแห่งนี้มีจำนวนทั้งหมด 367 ห้อง และการท่องเที่ยวในเมืองพัทยามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจึงมีการพัฒนาเพิ่มห้องพักเป็นจำนวน 567 ห้อง ในปี 2557
2555
ริเริ่มการพัฒนาโรงแรมภายใต้คอนเซป “คอมโบโฮเทล” โดยการเปิดดำเนินการโรงแรม เมอร์เคียว ไอบิส สยาม ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกที่มีโรงแรม 2 แบรนด์ 2 ระดับ ภายใต้อาคารเดียวกัน
2556
ขายกิจการโรงแรมไอบิส พัทยา และโรงแรมไอบิส ภูเก็ต ป่าตอง เข้า "กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เอราวัณ โฮเทล โกรท" (ERWPF) โดยได้เช่าโรงแรมทั้ง 2 แห่งกลับมาเพื่อดำเนินกิจการและได้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
2557
เปิดตัวโรงแรมภายใต้แบรนด์ “ฮ็อป อินน์” ในประเทศไทยซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของและบริหารเองทั้งหมด และเป็นโรงแรมระดับบัดเจ็ทที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่เดินทางภายในประเทศ ส่งผลให้บริษัทฯ มีโรงแรมครอบคลุมทุกระดับชั้นตั้งแต่โรงแรมระดับ 5 ดาว จนถึงระดับบัดเจ็ท
2560
ขยายธุรกิจโรงแรมของบริษัทไปยังต่างประเทศเป็นครั้งแรกในประเทศฟิลิปปินส์ โดยเปิดดำเนินการโรงแรมภายใต้แบรนด์ “ฮ็อป อินน์” แห่งแรกในเมืองมะนิลา โดยเป็นเจ้าของและบริหารเองทั้งหมด
2561
เปิดดำเนินการโรงแรมโนโวเทล ไอบิส สไตล์ สุขุมวิท 4 ซึ่งเป็นโรงแรมภายใต้คอนเซป “คอมโบโฮเทล” แห่งที่ 2 และเป็นโรงแรมโนโวเทลแห่งแรกของบริษัทภายใต้รูปแบบการบริหารแบบแฟรนไชส์
2562
เปิดดำเนินการโรงแรมเมอร์เคียว ไอบิส สุขุมวิท 24 ซึ่งเป็นโรงแรมภายใต้คอนเซป “คอมโบโฮเทล” แห่งที่ 3 และมีจำนวนรวมห้องพักสูงที่สุด 500 ห้อง จากโรงแรมในเครือของทั้งหมดของบริษัทในกรุงเทพฯ
2563
วิกฤติ “โควิด-19” ส่งผลกระทบครั้งยิ่งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก ภายใต้การจัดการภาวะวิกฤติในด้านต่างๆ บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การเติบโตผ่านการขยายเครือข่าย “ฮ็อป อินน์” ในประเทศซึ่งมีทั้งหมด 46 แห่งในประเทศไทย และ 5 แห่งในประเทศฟิลิปปินส์ และยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาองค์กรในทุกแง่มุม
2564
บริษัทฯ ขายโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรม เรเนซองส์ เกาะสมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรม ไอบิส สมุย บ่อผุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินตามกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทฯ ในการปรับพอร์ตการลงทุนโรงแรมที่มุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มโรงแรมระดับบัดเจ็ท และเพิ่มสัดส่วนรายได้และกำไรที่เกิดจากฐานลูกค้าผู้ใช้บริการภายในประเทศ
2565
บริษัทฯ ขายโรงแรม 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรม ไอบิส หัวหิน, โรงแรม ไอบิส ภูเก็ต และโรงแรม ไอบิส สไตล์ กระบี่ อ่าวนาง และมุ่งเน้นการขยายโรงแรมบัดเจ็ทเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้และกำไรที่เกิดจากฐานลูกค้าภายในประเทศมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้ขยายกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ทในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีก 7 แห่ง และอีก 1 แห่งในประเทศฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เซบู ซิตี้ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับกล่างแห่งแรกในฟิลิปปินส์