ดิ เอราวัณ ยึดมั่นในความโปร่งใส ปลูกฝังสร้างจิตสำนึกที่ดีควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะความสามารถให้กับบุคลากรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่จะก่อให้เกิดประสิทธิผลในทุกกระบวนการทำงาน เราส่งเสริมพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าและให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและพัฒนาชุมชนและสังคมโดยรอบธุรกิจบริษัทและสังคมโดยรวม
การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสังคม
บุคลากรของบริษัทฯทุกคน ถือเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ จึงมีนโยบายมุ่งเน้นที่จะบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้เป็นทั้ง “คนเก่ง” และ “คนดี” รวมถึงมีส่วนร่วมในการพัฒนาและช่วยเหลือสังคมโดยส่วนรวม และมุ่งเน้นให้พนักงานเป็นกลไกหลักในการร่วมขับเคลื่อน ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ให้ก้าวไปสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน และก้าวทันต่อบริบทการเปลี่ยนแปลงในทุกสถานการณ์

การบริหารทรัพยากรบุคคล
การดูแลพนักงาน
ท่ามกลางความท้าทายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งในช่วงภาวะวิกฤตดังกล่าว บริษัทฯ ไม่เคยลดทอนความสำคัญและยังคงมุ่งมั่นในการดูแลพนักงานแบบองค์รวม เพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างปลอดภัย มีความสุข พร้อมเดินหน้า ปรับตัว อยู่กับองค์กรได้ยาวนาน ร่วมกันสร้างผลงานเพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าและส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งการปฎิบัติต่อพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมด้วยหลักปฏิบัติสากลด้านสิทธิมนุษยชน โดยในปี 2564 จำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัท เท่ากับ 3,000 คน และมีการจ้างงานผู้พิการร้อยละ 4 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด
การสรรหาพนักงาน (Talent Acquisition)
บริษัทฯ ดำเนินการสรรหาบุคลากรโดยยึดถือการปฎิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชน ในเรื่องของความเสมอภาค ศักดิ์และสิทธิในการได้รับการปฎิบัติต่อมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ สีผิว เพศ อายุ ศาสนาและความเชื่อ เปิดโอกาสให้ทุกเชื้อชาติสามารถเข้ามาเป็นพนักงาน โดยคำนึงถึงคุณสมบัติที่เหมาะกับกับตำแหน่งงานเป็นหลัก โดยพนักงานใหม่ทุกคนจะได้รับการปฐมนิเทศและโปรแกรมการเรียนรู้งาน (Orientation & Onboarding Program) รวมทั้งการเปิดโอกาสให้พนักงานภายในสามารถหมุนเวียนงาน โอนย้าย หรือได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามความเหมาะสมเพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มโอกาสด้านความก้าวหน้าในอาชีพ
การขับเคลื่อนค่านิยมหลักและวัฒนธรรมองค์กร
บริษัทฯ สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ และเสริมสร้าง DNA ความเป็นหนึ่งเดียวกันของพนักงานผ่านค่านิยมหลัก และวัฒนธรรมองค์กร โดยการสื่อสาร การดำเนินงานโครงการ และกิจกรรมต่างๆ เช่น Townhall, Friday Talk, Ex-Sharing, Digital Showcase, Idea Board และ Erawan Virtual Run Together เป็นต้น เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงานให้แสดงออกถึงพฤติกรรมตามที่องค์กรคาดหวังอย่างต่อเนื่อง
การสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กร (Employee Engagement Survey)
บริษัทฯ มีการจัดทำแบบสำรวจความผูกพันของพนักงานที่มีต่อองค์กรเป็นประจำทุกปี เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากพนักงาน โดยข้อมูลที่ได้รับจะนำมาวิเคราะห์ ออกแบบและพัฒนาโปรแกรมการดูแลพนักงานแบบองค์รวมเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพนักงานและสร้างความผูกพันให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 ผลสำรวจความผูกพันของพนักงานอยู่ที่ 80%
การพัฒนาศักยภาพและทักษะพนักงาน (Lifelong Learning)
บริษัทฯ ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพพนักงานอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 ได้มีการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้ชื่อ ERW Digital Learning Center ที่มีโปรแกรมการเรียน สมัยใหม่และเน้นการเพิ่มทักษะ (Re/Up Skills) ให้กับพนักงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ผ่านรูปแบบการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา (Learn from Anywhere) ในช่องทางที่หลากหลาย เช่น Virtual, Website, Share Point, Podcast และ Learning Platform จากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เริ่มผ่อนคลาย บริษัทฯ ยังได้มีการจัดโปรแกรมแบบผสมผสาน Hybrid Learning ทั้งในรูปแบบ Classroom ร่วมกับ Virtual โดยในปี 2564 มีจำนวนชั่วโมงฝึกอบรมรวมทั้งสิ้น 88,371 ชั่วโมง คิดเป็นค่าเฉลี่ย 33 ชั่วโมง/คน/ปี ผ่านการอบรมที่ครอบคลุม 5 โปรแกรมหลัก กว่า 200 หลักสูตร ดังนี้
- โปรแกรมการเรียนรู้ธุรกิจและการบริหารจัดการโรงแรม “ERW Core Program (ECP)”
- โปรแกรมการพัฒนาผู้นำในทุกระดับ “Leadership Development Program (LDP)”
- โปรแกรมการพัฒนาตามสายอาชีพและเสริมศักยภาพ “Functional Development Program (FDP)”
- โปรแกรมการพัฒนาทักษะด้านดิจิตอลและเทคโนโลยี “Digital Development Program (DDP)”
- โปรแกรมการพัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ “English Development Program (EDP)”
ณ สิ้นปี 2564 บริษัทได้มีการสำรวจความพึงพอใจและประโยชน์ที่ได้รับสำหรับโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพพนักงาน โดยประโยชน์ที่ได้รับที่พนักงานได้ให้คะแนนสูงที่สุด 3 ลำดับ ได้แก่
- แนวคิดแบบ Growth Mindset รวมทั้งการวางแผนเพื่อการปรับตัวพร้อมรับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ COVID-19
- ทักษะการประยุกต์กระบวนการงานให้เป็นรูปแบบ Digitalization
- ทักษะการใช้เครื่องมือทางเทคโลยีมากขึ้นเพื่อรองรับนโยบาย Hybrid Workplace
สำหรับสิ่งที่บริษัทได้รับจากโปรแกรมการพัฒนาศักยภาพพนักงานในปีนี้ คือ พนักงานสามารถคิดค้นกระบวนการทำงานที่มีการนำ Digitalization มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น การเข้าไปตรวจสอบคุณภาพโรงแรมผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งช่วยให้พนักงานประหยัดเวลา และลดการเดินทาง และช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินการขยายการโรงแรมใหม่พร้อมทั้งควบคุมคุณภาพของโรงแรมเดิมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการสำรวจเรื่องที่พนักงานต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมในปีต่อไปเช่นกัน ซึ่งได้แก่ การปรับตัวเพื่อรองรับการทำงานในยุค Digitalization การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการพัฒนาการทำงาน การปรับทัศนคติเพื่อสร้างทักษะการเป็นผู้นำ
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Health & Safety)
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการดูแลเรื่อง สุขภาพ ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมที่ดีในการปฎิบัติงานของพนักงานโดยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 มีการจัดอบรมให้ความรู้สำหรับพนักงานในการดูแลตนเองผ่าน Doctor Online, การเพิ่มทางเลือกพบแพทย์ในรูปแบบ Telemedicine, การประกาศแนวทางการทำงานจากที่บ้าน Work From Home และการแบ่งทีมเข้าทำงานเพื่อลดความเสี่ยงให้กับพนักงาน, การจัดหาช่องทางและสนับสนุนการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด 19 ให้กับพนักงาน, การตรวจสุขภาพประจำปี, มาตรการดูแลสุขอนามัยและการฉีดพ่นฆ่าเชื้อในสำนักงานอย่างสม่ำเสมอ และการให้พนักงานเข้าร่วมอบรมและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟประจำปีเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น
นโยบายด้านสิทธิมนุษยชน

การมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน
บริษัทให้ความสำคัญและมีนโยบายที่จะร่วมพัฒนาชุมชน ภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้นการเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการท่องเที่ยวท้องถิ่น อนุรักษ์วิถีชีวิตของชุมชน และสร้างการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโต และผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตตามไปได้อย่างยั่งยืน โดยใช้ทักษะความรู้และความเชี่ยวชาญผ่านบุคคลากรของบริษัท นำไปพัฒนาและให้ความสนับสนุนกับชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดที่โรงแรมของบริษัทได้เปิดให้บริการ นอกจากนี้บริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานราชการเพื่อร่วมพัฒนาและสนับสนุนความเข้มแข็งให้ชุมชนและสร้างสังคมแห่งความยั่งยืน
สำหรับโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวท้องถิ่นในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ริเริ่มโครงการ “HAPPY HOME HAPPY STAY พักสบายกาย เที่ยวสบายใจ” ซึ่งมีที่มาจากการแผนการเติบโตของบริษัทที่มุ่งเน้นการขยายโรงแรมในกลุ่ม ฮ็อป อินน์ ทั่วประเทศไทย และบริษัทมุ่งเน้นที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวท้องถิ่น จากการเข้าไปสำรวมชุมชนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่นของจังหวัดที่มีโรงแรมของบริษัทตั้งอยู่ พบว่าปัญหาการบริหารจัดการโฮมสเตย์ของชุมชนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวยังไม่ได้มาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยว ร่วมถึงมาตรฐานการให้บริการ
โดยบริษัทได้เริ่มต้นโครงการนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ชุมชนบ้านแหลม โดยการร่วมมือกับชุมชน เพื่อนำองค์ความรู้ด้านการจัดการที่พักและบริการตามมาตรฐานของโรงแรมของบริษัทมาประยุกต์ใช้กับโฮมสเตย์ในชุมชนเพื่อให้มีความพร้อมในการบริหารจัดการที่พักทั้งด้านสุขอนามัย ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย มีการบริการที่ดี และคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ขอบเขตของการพัฒนาจะเป็นการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้เพื่อสร้างทักษะการบริการ การจัดการแบบโรงแรม เช่น การปูที่นอน การทำความสะอาดต่างๆ การต้อนรับ การลงทะเบียน การทำบัญชี ให้กับชาวบ้าน โดยพนักงานจากโรงแรม ฮ็อป อินน์ เป็นวิทยากรในการอบรม นอกจากนี้บริษัทยังสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็นโดยส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งของที่ปลดระวางจากโรงแรมในเครือและนำมาใช้ซ้ำในโฮมสเตย์ หรือช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบกองทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการปรับปรุงสถานที่ให้มีมาตรฐานที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวครบถ้วน
บริษัทได้ดำเนินโครงการ HAPPY HOME HAPPY STAY นับตั้งแต่ปี 2561 เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลบริษัทมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด รูปแบบการดำเนินโครงการจึงได้ปรับเปลี่ยนเป็นการอบรมออนไลน์ โดยในปี2564 บริษัทได้เข้าร่วมในโครงการบ้านสวยด้วยอัตลักษณ์ กับ กรมการท่องเที่ยว และบริษัท โลเคิลอไลท์ จำกัด ซึ่งโครงการดังกล่าวบริษัทได้สามารถถ่ายทอดความรู้ด้านการบริหารที่พักเพื่อการท่องเที่ยวได้ในวงกว้าง โดยมีชุมชนท้องถิ่นเข้าร่วมโครงการรวม 20 ชุมชน

บริษัทฯ และโรงแรมในเครือจัดกิจกรรมพนักงานอาสาโดยมีเจตนารมณ์ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของสังคมจากการแพร่ระบาดของ โควิด- 19 ตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่โดย
- โรงแรมในเครือมอบอาหาร เจลแอลกอฮอล์ เครื่องอุปโภค บริโภค มอบให้ชุมชนใกล้เคียงและบุคคลทั่วไป
- บริษัทฯ มอบหน้ากาก N95 และกล้วยตากผลิตภัณฑ์จากชุมชนผาปัง จังหวัดลำปาง แก่โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา, โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต, โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา, โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานครฯ
- บริษัทฯ มอบ Thank You Bag ให้กับพนักงานทำความสะอาดเก็บขยะกวาดถนนในเขตพื้นที่โดยรอบธุรกิจของบริษัทฯ ได้แก่ เขตคลองเตย เขตปทุมวัน เขตสาทร เขตคลองสาน เขตแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร และเทศบาลปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เพื่อขอบคุณและเป็นกำลังใจแก่บุคลากรที่ทำงานอย่างหนักในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งภายในถุงบรรจุด้วยกาแฟจากชุมชนดอยผาหมี จังหวัดเชียงราย ข้าวหอมมะลิภูเขาไฟ จากชุมชนบ้านโคกเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ และภาชนะกะลาแปรรูป จากชุมชนบ้านแหลม จังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ นำมามอบให้แก่หน่วยงานต่างๆ ล้วนมาจากชุมชนในโครงการ “พักสบายกาย เที่ยวสบายใจ Happy Home Happy Stay” ซึ่งเป็นโครงการเพื่อพัฒนายกระดับการให้บริการและการบริหารจัดการโฮมสเตย์ในชุมชนของบริษัทฯ อันเป็นการช่วยเหลือและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นเนื่องจากชุมชนท่องเที่ยวเหล่านี้ล้วนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด- 19
- บริษัทฯ มอบรายได้จากการเข้าพักโรงแรมฮ็อปอินน์ทั่วประเทศทุกสาขาในวันที่ 5 มิถุนายน 2563 โดยไม่หักค่าใช้จ่ายสมทบกับเงินร่วมบริจาคของพนักงานรวมเป็นเงินจำนวน 1 ล้านบาทมอบให้ “โครงการ 63 บาทสู้โควิด-19 พลังน้ำใจ 63 บาทแปรเปลี่ยนความทุกข์ยากปี 2563” ซึ่งดำเนินการโดยสภากาชาดไทย

โครงการตู้เปิดจินตนาการ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษาแก่เยาวชนในระดับประถมศึกษาด้วยการมอบตู้เปิดจินตนาการซึ่งเป็นตู้ที่มีทั้งหนังสือและของเล่นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้พัฒนาทักษะด้านต่างๆ มีคู่มือการเรียนการสอนเพื่อผลิตสื่อการเรียนรู้ บริษัทฯ จะมอบตู้เปิดจินตนาการให้กับโรงเรียนในจังหวัดที่มีโรงแรม ฮ็อบ อินน์ ประเทศไทย ตั้งอยู่ ซึ่งจะมอบให้ในวันเปิดให้บริการโรงแรมเป็นวันแรกพื้นที่ละ 5 แห่ง โดยเริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ 2557 จนถึงปัจจุบันมีโรงเรียนที่ได้รับตู้เปิดจินตนาการไปแล้วรวม 220 แห่ง และในปี 2563 บริษัทฯ ได้มอบตู้เปิดจินตนาการให้แก่โรงเรียน 5 แห่งในจังหวัดภูเก็ต เนื่องจากบริษัทฯ ได้เปิดให้บริการโรงแรม ฮ็อป อินน์ ภูเก็ต สาขาที่ 2

โครงการพักสบายกาย เที่ยวสบายใจ Happy Home Happy Stay การท่องเที่ยวชุมชนมีบทบาทและมีความสำคัญเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักท่องเที่ยวต้องการสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นทั้งผู้คน สังคม วัฒนธรรม ประเพณี และสิ่งแวดล้อม เช่น การปรุงและการรับประทานอาหารท้องถิ่น การทำหัตถกรรมพื้นบ้านรวมถึงการอยู่พักอาศัยแบบบวิถีชีวิตท้องถิ่นกับเจ้าของบ้าน ด้วยเหตุนี้บริษัทฯ ในฐานะผู้ประกอบการโรงแรมจึงต้องการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สอดคล้องโดยตรงกับบริษัทฯ
ด้วยการยกระดับการบริหารจัดการโฮมสเตย์ในชุมชนผ่านการแบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ ให้กับชุมชน ส่งเสริมให้ชุมชนเกิดการเรียนรู้ ได้เห็นมุมมองใหม่เห็นโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นการเพิ่มศักยภาพในการต่อยอดปรับปรุงเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนจากภายในชุมชนเอง บริษัทฯ ริเริ่มโครงการนี้ในปี พ.ศ2561 ที่ชุมชนบ้านแหลม อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช และต่อมาในปี 2562 ได้ร่วมกับแอร์เอเซีย จัดอบรมให้ความรู้เรื่องการบริการและการบริหารจัดการโฮมสเตย์ให้กับชุมชนในโครงการ Journey D โดยในปี 2563 บริษัทฯ ได้ขยายความร่วมมือกับธนาคารออมสินในโครงการ GSB Smart Homestay โฮมสเตย์มีสไตล์ โดยได้เข้าร่วมพิจารณาตัดสินรางวัล และให้ความรู้แก่ชุมชนในโครงการ ได้แก่ ชุมชนบ้านหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี และชุมชนบ้านมุงเหนือ อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก และได้สนับสนุนมอบผ้าปูที่นอนสภาพดีที่คัดเลือกจากโรงแรมในเครือให้แก่ 6 ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการได้ใช้ประโยชน์